'แอปเปิล' เปิดตัว iPhone 6, iPhone 6 Plus และนาฬิกาอัจฉริยะ

  • 11 May 2020
  • 2121
หางาน,สมัครงาน,งาน,'แอปเปิล' เปิดตัว iPhone 6, iPhone 6 Plus และนาฬิกาอัจฉริยะ

แอปเปิลจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ศูนย์จัดแสดงศิลปะ 'ฟลินต์' (สถานที่เปิดตัวคอมพิวเตอร์ MAC เป็นครั้งแรกเมื่อ 30 ปีก่อน) ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเปิดตัว iPhone 2 ขนาด ตามความคาดหมาย โดยใช้ชื่อ 'iPhone 6' และ 'iPhone 6 Plus' นอกจากนี้ ยังเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะ 'Apple Watch' ด้วย

iPhone 6 ใช้จอ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334x750 326 ppi ส่วน iPhone 6 Plus ใช้จอ Retina HD เช่นกัน ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920X1080 401 ppi ด้านหน้าตัวเครื่องทำจากกระจกซึ่งครอบคลุมไปจนถึงด้านข้างตัวเครื่อง ส่วนด้านหลังทำจากอลูมิเนียมชุบผิว โลโก้แอปเปิลด้านหลังทำจาก สเตนเลสสตีล iPhone 6 มีความหนา 6.9 มม. ส่วน iPhone 6 Plus หนา 7.1 มม. บางกว่า iPhone 5S ที่หนา 7.6 มม.

iPhone 6 Plus สามารถใช้งานในรูปแบบแนวนอนได้เหมือน ไอแพด แป้นคีย์บอร์ดเพิ่มปุ่มสำหรับตัด, คัดลอก และวางข้อความได้ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ยังมีฟีเจอร์ใหม่คือ Reachability โดยหากผู้ใช้สัมผัสที่ปุ่ม TouchID 2 ครั้ง จะทำให้หน้าจอสไลด์ลงมา เพื่อให้หน้าจอกลับไปอยู่บนสุดได้

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 8 ติดตั้งชิพประมวลผล 'A8' ชิพ 64 bit รุ่นที่ 2 ของแอปเปิล มี CPU เร็วขึ้น 25% และ GPU เร็วขึ้น 50% ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าชิพ A7 50% ส่งผลให้เครื่องสามารถใช้งานได้นานขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับชิพประมวลความเคลื่อนไหว 'M8' ซึ่งประกอบด้วยเซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวอย่าง ไจโรสโคป, เครื่องวัดความเร่ง และมีเซ็นเซอร์ใหม่คือ บารอมิเตอร์ สำหรับวัดความดันอากาศ เพื่อบอกสภาพภูมิประเทศ โมเด็มตัวใหม่รองรับเครือข่าย LTE ได้ถึง 20 ย่านความถี่ LTE-A รวมถึงใช้งาน VoLTE ได้แล้ว

ในส่วนของกล้อง มีความละเอียดอยู่ที่ 8 เมกะพิกเซล (พิกเซลขนาด 1.5 ไมครอน) รูรับแสงกว้างสุด f/2.2 สำหรับ iPhone 6 Plus จะมีระบบกันสั่น (OIS) แอปเปิลยังพัฒนาเซ็นเซอร์ iSight ใหม่ มีระบบ 'Focus Pixels' ซึ่งจะช่วยให้การโฟกัสภาพอัตโนมัติเร็วขึ้นเกือบ 2 เท่า และชิพ ISP ในชิพ A8 ช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย และลดการสั่นดียิ่งขึ้น ส่วนวิดีโอ สามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดระดับ 1080p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที ขณะที่การถ่ายภาพสโลโมชั่น สามารถถ่ายได้สูงสุด 240 เฟรมต่อวินาทีแล้ว

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เปิดให้จองในวันที่ 12 ก.ย. และจะวางจำหน่ายใน 9 ประเทศ ในวันที่ 19 ก.ย. (iPhone 6) และจะจำหน่ายใน 115 ประเทศในช่วงปลายปีนี้ โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการ iOS 8 ได้ในวันที่ 17 ก.ย. ส่วนราคาเครื่องแบบติดสัญญา 2 ปี สำหรับ iPhone 6 เริ่มที่ $199 (16GB) $299 (32GB) และ $399 (64GB) ส่วน iPhone 6 Plus อยู่ที่ $299 (16GB), $399(64GB) และ $499 (128GB)

แอปเปิลยังเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะ 'Apple Watch' ตามคาด โดยการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ต้องใช้ร่วมกับ iPhone ตั้งแต่ iPhone 5 ขึ้นไป นาฬิกาอัจฉริยะเรือนนี้มีหน้าจอสัมผัส ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของเครื่องได้ตามต้องการ ด้านขวาของตัวเครื่องมีกลไกที่อยู่คู่นาฬิกามานานหลายทศวรรษอย่าง 'เม็ดมะยม' ซึ่งแอปเปิลเรียกมันว่า 'Digital Crown' และปุ่ม 'Digital Touch' โดย Apple Watch จะวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2015 ในราคา $349

Digital Crown ใช้สำหรับหมุนเลื่อนขึ้น-ลง หรือขยายเข้าออกเวลาใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ หรือสามารถใช้เป็นปุ่มโฮมได้ด้วยการกดลงไป ส่วน Digital Touch ใช้สำหรับเรียกรายชื่อผู้ติดต่อที่เราชื่นชอบมากที่สุดขึ้นมา เพื่อโทรหา, ส่งข้อความ หรือแม้แต่ส่งแท็ปให้พวกเขาได้

Apple Watch มาพร้อมชิพประมวลผล 'S1' ซึ่งติดตั้งเซ็นเซอร์ ไจโรสโคป, เครื่องวัดความเร่ง สำหรับการออกกำลังกาย สามารถเชื่อมสัญญาณไวไฟและจีพีเอสจาก iPhone ของผู้ใช้ได้ ด้านหลังของเครื่องมี เลนส์ อินฟาเรดส์ LED 4 ตัว สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การชาร์จพลังงานใช้เครื่องชาร์จแบบแม่เหล็กติดเข้ากับด้านหลังของอุปกรณ์ แอปเปิลระบุด้วยว่า การเดินของนาฬิกาของ Apple Watch มีความเหลื่อมล้ำเพียง +-50 มิลลิวินาทีเท่านั้น

Apple Watch ยังมีระบบปล่อยขั้วไฟฟ้าขนาดเล็กบริเวณหน้าจอ เพื่อรับรู้ความแตกต่างระหว่างการกดและการแตะ ใช้งานควบคู่กับฟีเจอร์ Force Touch ซึ่งเมื่อผู้ใช้กดลงไปแรงๆ จะเป็นการเรียกคำสั่ง Contextual menu ขึ้นมา Apple Watch ยังมีระบบ Taptic Engine ระบบสั่นที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนมีคนเอานิ้วมาจิ้มจริงๆ โดยแอปเปิลสาธิตกับการใช้ระบบนำทางของแอพฯ แผนที่ ซึ่ง Taptic Engine จะสั่นเตือนผู้ใช้เมื่อต้องเลี้ยวในทิศทางที่ต้องเลี้ยวจริงๆ

แอปเปิลออก Apple Watch มาให้เลือก 3 แบบ คือ แบบปกติ, Apple Watch Sport และ Apple Watch Edition โดย แบบปกติ มีหน้าจอทำจากกระจกแซฟไฟร์ ส่วนแบบ Sport จะทนทานกว่าแบบปกติ 60% และเบากว่า ขณะที่แบบ Edition จะทำจากทองคำ 18 กะรัต ที่มีความแข็งกว่าทองปกติ 2 เท่า (ตามการกล่าวอ้างของแอปเปิล)

นอกจากนี้ แอปเปิลยังเปิดตัวระบบจ่ายเงินใหม่คือ 'Apple Pay' ซึ่งคล้ายกับการจ่ายเงินใน iTune แต่ขยายมาใช้สำหรับจ่ายเงินกับร้านค้าหรืออื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวก รวมถึงเพิ่มระบบความปลอดภัยร่วมกับเทคโนโลยี Touch ID และ NFC ใน iPhone 6, iPhone 6 Plus และ Apple Watch ผู้ใช้สามารถใช้แอพฯ 'Find My iPhone' ลบข้อมูลการใช้จ่ายทั้งหมดได้ในกรณีที่เครื่องหายหรือถูกขโมย และระบบนี้จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและบัตรเครดิตของผู้ใช้แก่ฝ่ายตรงข้ามหรือแอปเปิล เบื้องต้นระบบ Apple Pay จะเริ่มใช้งานในสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียวก่อนในเดือน ต.ค.

 

ขอขอบคุณข่าว และภาพข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์

 

 

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top