
ผู้สมัครงาน
หลีกเลี่ยงการใช้คำกว้างๆ อย่าง “บันทึกบัญชีรายวัน” หรือ “ยื่นภาษี” เพราะดูเหมือน Resume ทั่วไป
ควรใช้คำอธิบายที่บ่งบอกว่าเข้าใจโครงสร้างระบบบัญชี เช่น
“บันทึกรายการ GL โดยเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบ AR/AP และกระทบยอดทุกสิ้นเดือนผ่าน SAP ก่อนส่งรายงานให้ผู้จัดการตรวจสอบ”
การระบุเครื่องมือที่ใช้ เช่น SAP, Express, หรือ QuickBooks ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
2. แสดงผลลัพธ์หรือคุณค่าของงาน มากกว่าระบุแค่สิ่งที่ทำ
งานบัญชีมักเป็นงานที่มีรูปแบบซ้ำๆ เช่น ปิดงบ ยื่นภาษี จัดทำรายงาน หากเขียนเพียงแค่ “ทำหน้าที่ปิดงบ” จะไม่แตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น
ให้ระบุผลงานในเชิงประสิทธิภาพ เช่น
“ปรับปรุงการลงบัญชีด้วยการตั้งสูตร Excel ทำให้ลดเวลาปิดงบปลายเดือนจาก 5 วัน เหลือ 3 วัน”
การใช้ตัวเลขประกอบ เช่น จำนวนรายการต่อเดือน เวลาที่ลดลง หรือเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดที่ลดลง เป็นสิ่งที่ HR มองหาเสมอ
3. วางคำสำคัญ (Keyword) ให้เหมาะสมทั้งกับระบบ ATS และสายตา HR
Resume ที่ดีควรฝังคำศัพท์ทางบัญชีอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ยัดใส่ไว้ในลิสต์แบบไร้บริบท
คำที่ควรใช้ เช่น GL, AP, AR, Bank Reconciliation, Cost Accounting, ปิดงบรายเดือน, ภ.พ.30, ภ.ง.ด.50, Inventory Control
วิธีใส่ที่ถูกต้องคืออยู่ในบริบทของงาน เช่น
“จัดทำแบบ ภ.พ.30 และ ภ.ง.ด.3, 53 พร้อมจัดเตรียมเอกสารประกอบเพื่อตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีในไตรมาสสุดท้ายของปี”
หลีกเลี่ยงการใช้คำกว้าง เช่น “งานด้านบัญชีทั่วไป” หรือ “มีความรู้โปรแกรมบัญชี” โดยไม่ระบุชื่อโปรแกรมหรือโมดูลที่ใช้
4. สำหรับผู้ไม่มีประสบการณ์ ใช้โปรเจกต์หรือการฝึกงานแสดงความสามารถแทน
ถ้ายังไม่มีงานประจำ ให้ใช้ประสบการณ์จากโปรเจกต์ตอนเรียนหรือฝึกงาน โดยเน้น 3 จุด: ขั้นตอน, เครื่องมือที่ใช้, และผลลัพธ์
ยกตัวอย่าง:
“ฝึกงานกับบริษัท ABC โดยรับผิดชอบจัดทำบัญชีเจ้าหนี้ในระบบ Express บันทึกข้อมูลใบแจ้งหนี้วันละ 50 รายการ และตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งให้ฝ่ายการเงินภายในเวลา 2 วัน”
หากไม่มีฝึกงาน ให้ใช้โปรเจกต์จำลอง เช่น
“จัดทำงบต้นทุนในระบบ Job Order โดยวิเคราะห์ต้นทุนสินค้า 3 ชนิด และเปรียบเทียบต้นทุนจริงกับต้นทุนมาตรฐานเพื่อเสนอแนะแนวทางลดค่าใช้จ่ายในการผลิต”
5. ระบุทักษะที่สะท้อนคุณสมบัติเชิงพฤติกรรมของนักบัญชี
หลีกเลี่ยงคำทั่วไปอย่าง “มีความขยัน ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา” ซึ่งไม่มีน้ำหนักใน Resume
ให้ใช้ทักษะที่สามารถโยงกับงานบัญชีได้จริง เช่น
“มีความละเอียดในการตรวจเอกสารและกระทบยอดบัญชีที่มีข้อมูลซับซ้อน”
“สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติของตัวเลขจากงบกำไรขาดทุน และประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อหาสาเหตุ”
“บริหารจัดการเวลาทำงานในช่วงปิดงบให้สำเร็จตามกำหนด แม้งานซ้อนกันหลายโปรเจกต์”
6. แนบใบประกาศนียบัตรหรือการอบรมที่เกี่ยวข้องอย่างมีน้ำหนัก
ไม่ควรระบุเพียงแค่ว่า “เคยอบรม” หรือ “มีความรู้ Express” แต่ควรเจาะจงชื่อหลักสูตร ปี และสิ่งที่เรียน
ตัวอย่างเช่น
“ผ่านการอบรมหลักสูตร Express Accounting System เบื้องต้น – สมาคมผู้ทำบัญชีไทย (2024)”
“อบรม Excel for Accountants – เรียนการใช้ PivotTable, VLOOKUP, และ Power Query (8 ชั่วโมง)”
หากเคยเรียนหลักสูตรของกรมสรรพากร, สภาวิชาชีพบัญชี หรือหลักสูตรเตรียมสอบ CPA ให้ระบุอย่างชัดเจน แม้ยังไม่ได้สอบผ่าน
7. เขียนประวัติการทำงานให้เป็นลำดับ และเน้นผลลัพธ์
ระบุชื่อองค์กร ช่วงเวลา และตำแหน่งงานให้ชัดเจน พร้อมเขียน “รายละเอียดงาน” เป็นข้อย่อย 3-5 ข้อ
แต่ละข้อไม่ควรยาวเกินไป และควรลงท้ายด้วยผลลัพธ์หรือขอบเขต เช่น
“จัดทำรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) พร้อมกระทบยอดกับใบกำกับภาษีรายเดือน (เฉลี่ย 250 ฉบับ/เดือน)”
“ช่วยเตรียมข้อมูลสำหรับปิดงบรายปีและตอบข้อสงสัยของผู้สอบบัญชีในขั้นตอนตรวจสอบบัญชี”
8. หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ทำให้ Resume ถูกปัดตกก่อนถูกเปิดอ่าน
หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์คลุมเครือหรือเขียนแบบประโยคทั่วไปที่ไม่เจาะจง
ตรวจสอบความถูกต้องของคำสะกดและข้อมูล เช่น เลขปี เอกสารประกอบ หรือชื่อโปรแกรม
อย่าแนบไฟล์ Resume ที่ตั้งชื่อว่า “resume ใหม่ล่าสุด” หรือ “finalfinalจริงๆ.pdf” ให้ใช้ชื่อจริง + ตำแหน่ง เช่น “Resume_Natthapong_Accountant.pdf”
หากเป็นไฟล์ PDF ควรแน่ใจว่า HR สามารถ copy ข้อความได้ (เพื่อให้ผ่าน ATS)
ตำแหน่งงาน ในสายงานบัญชีที่กำลังเปิดรับสมัคร
สมัครงานสายงานบัญชีทั้งหมด
บทความอื่นๆ เกี่ยวกับงานสายบัญชี
อยากเป็น Auditor ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved