เหยียดอายุในที่ทำงาน ปัญหานี้ยังคงมีอยู่ 3 วิธีพลิกเกมอย่างชาญฉลาด

  • 23 Feb 2025
  • 1197
หางาน,สมัครงาน,งาน,เหยียดอายุในที่ทำงาน ปัญหานี้ยังคงมีอยู่ 3 วิธีพลิกเกมอย่างชาญฉลาด

 

ในโลกของการทำงานที่กำลังเปลี่ยนไป เพราะคน Gen Y และ Gen Z กำลังเข้ามาเป็นแรงงานหลักในตลาดแรงงาน ในขณะที่กลุ่ม Baby Boomer และ Gen X เริ่มทยอยเกษียณกันไป แต่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ก็เกิดปรากฏการณ์ที่คนรุ่น Gen Z มักจะถูกปฏิเสธจากพนักงานรุ่นพี่ และหลายๆ องค์กรก็ไม่ค่อยอยากจ้างพวกเขาเลย แต่จริงๆ แล้วรู้ไหมว่าในอีกมุมหนึ่ง พนักงานรุ่นใหญ่ก็ต้องเจอกับปัญหา “เหยียดอายุ” หรือ Ageism ในที่ทำงานเหมือนกัน

 

คนทำงานรุ่นใหญ่ในออฟฟิศหลายคนมักจะถูกมองว่า “ไม่พร้อมทำงาน” หรือ “อาจจะไม่มีคุณสมบัติพอสำหรับตำแหน่งนั้นๆเพราะอายุเยอะเกินไป” รวมถึงบางครั้งยังโดนตั้งคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงาน หรือการเข้าใจผิดว่าเป็นรุ่นน้อง โดยการไม่ให้ความเคารพเท่าที่ควร

 

พนักงานสูงวัย 99% เชื่อว่า องค์กรของตนมีการเหยียดอายุเกิดขึ้นจริง

จากการสำรวจของ MyPerfectResume ที่ทำร่วมกับนิตยสารฟอร์จูน พบว่า พนักงานที่มีอายุมากกว่า 40 ปีในอเมริกามากถึง 99% เชื่อว่าในองค์กรของพวกเขามีการเหยียดอายุเกิดขึ้นจริง นอกจากนี้ พนักงานในกลุ่มนี้

81% มองว่าอคติทางอายุเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข 

86% มองว่าพนักงานวัยทำงานที่มีอายุเยอะมักจะเป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้งในที่ทำงาน 

92% บอกว่า พวกเขารู้สึกกดดันมากๆ จนต้องปกปิดอายุหรือไม่พูดถึงประสบการณ์ที่เคยทำงานมา เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมองในแง่ลบในที่ทำงาน 

และมากกว่า  95% บอกว่า การอคติเรื่องอายุทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

 

ผู้หญิงอายุน้อยก็โดนเหยียดอายุเหมือนกัน เพราะถูกมองว่าไม่เก่งพอที่จะได้เลื่อนขั้น

จากการวิจัยของ McKinsey & Co. และ Lean In ที่เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำงานเพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง พบว่า พนักงานหญิงรุ่นใหม่มักโดนเหยียดอายุในที่ทำงานมากกว่าพนักงานผู้ชายในวัยเดียวกัน

 

เรเชล โธมัส (Rachel Thomas) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Lean In ได้บอกว่า “วัฒนธรรมองค์กรแบบเดิมๆ มักสนับสนุนให้พนักงานชายหนุ่มมีโอกาสได้ก้าวหน้าทางอาชีพเร็วกว่าผู้หญิงอายุในวัยเดียวกัน ทั้งๆ ที่จริงแล้ว เป้าหมายขององค์กรควรเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เท่าเทียม และทำให้ผู้หญิงอายุน้อยสามารถเติบโตได้เท่ากับชายหนุ่ม และน่าเสียดายที่การเหยียดอายุเป็นอุปสรรคที่หลายคนหลีกเลี่ยงไม่ได้”

 

แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเองโดนเหยียดอายุ (ไม่ว่าจะวัยไหนก็ตาม) จนทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าในที่ทำงาน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้ใช้ 3 วิธีนี้ ในการรับมือกับคนนิสัยเสียในออฟฟิศของคุณ

 

  1. ถามคำถามเชิงลึกกับคนที่มาเหยียดเรื่องอายุ

ถ้ามีคนบอกว่าคุณยังไม่พร้อมสำหรับการเลื่อนตำแหน่ง หรือว่าคุณไม่มีศักยภาพพอที่จะเป็นหัวหน้าโครงการใหญ่ๆ โธมัสแนะนำให้ถามกลับไปว่า “อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้นล่ะ?” แล้วให้ยิ้มกว้างๆ เพื่อทำให้บรรยากาศดูเป็นมิตร

 

คำถามง่ายๆ แบบนี้ช่วยให้คนที่พูดออกมาได้หยุดคิดตามข้อเท็จจริงและอาจจะเปิดเผยความคิดหรืออคติบางอย่างได้ อีกทั้งยังทำให้คุณเองได้รับความชัดเจนมากขึ้น และเป็นการท้าทายความคิดเห็นของพวกเขาไปในตัว

 

แต่ก็ต้องระวัง เพราะการพูดเชิงท้าทายอาจจะทำให้เกิดการต่อต้านหรือทะเลาะกันได้ ดังนั้นการเลือกคำพูดในการสื่อสารสำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูงอยู่แล้ว อาจจะพูดเพิ่มเติมด้วยว่า “ฉันอยากรู้จริงๆ  ฉันจะได้เปลี่ยนตัวเองเพื่อทำให้ดีกว่านี้ หรือ “ความคิดเห็นของคุณสำคัญกับฉันมาก เลยอยากจะเข้าใจจริงๆ” เพื่อทำให้คำพูดของคุณฟังดูสุภาพมากขึ้น

 

  1. รวบรวมผลงานความสำเร็จของตัวเองเก็บไว้เสมอ

การรวบรวมผลงานความสำเร็จ ทักษะ และการมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานใหญ่ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ ที่ช่วยให้บริษัทไปข้างหน้า ก็ควรบันทึกไว้ทั้งหมด เพราะมันมีประโยชน์มากๆ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเตือนตัวเองว่าเราทำสำเร็จอะไรบ้าง แต่ยังช่วยได้ในเวลาที่ต้องประเมินผลงาน หรือในกรณีที่เราถูกเหยียดอายุเกี่ยวกับการทำงาน ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เราสามารถโต้แย้งได้อย่างมั่นใจ

 

นอกจากนี้ การแชร์ความสำเร็จเหล่านี้ในที่ทำงานก็เป็นวิธีที่ดีในการให้ทุกคนเห็นผลงานของเรา เช่น การส่งอีเมลสั้นๆ ไปยังทีมงานเพื่อทบทวนความสำเร็จล่าสุดของเรา เพราะโธมัสบอกว่า “หัวหน้าอาจยุ่งมาก จนไม่มีเวลาตรวจสอบผลงานของทุกคนทุกครั้ง การย้ำเตือนข้อมูลเหล่านี้จึงมีประโยชน์มาก”

 

  1. สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคนที่จะให้คำปรึกษาที่แท้จริง

การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับที่ปรึกษาและผู้สนับสนุน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำระดับสูง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตในอาชีพการงาน เพราะพวกเขาสามารถให้คำแนะนำ ช่วยสนับสนุน และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เราได้ แทนที่จะไปขอให้ใครมาคอยสนับสนุนเราโดยตรง โธมัสบอกว่าเราควรสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติและค่อยๆ แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตัวเอง “คนที่เลือกจะสนับสนุนคุณ รวมถึงคนที่คุณสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งด้วย มักจะเป็นคนที่ช่วยเปิดประตูโอกาสให้คุณมากขึ้น”

 

การให้คำปรึกษาที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย และการติดตามผลก็สำคัญไม่แพ้กัน ตัวอย่างเช่น การส่งข้อมูลอัปเดตให้ที่ปรึกษาของคุณรู้ว่า คำแนะนำจากพวกเขามีผลอย่างไรต่อการพัฒนาอาชีพของคุณ การแสดงให้เห็นว่าการลงทุนในตัวคุณสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม จะทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจและสนับสนุนคุณต่อไป

 

แม้ว่าการเผชิญกับการเหยียดอายุในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณสามารถพลิกสถานการณ์ให้เป็นโอกาสได้ด้วยการใช้วิธีที่ถูกต้องและมีความมั่นใจ ด้วยการถามคำถามที่สามารถเปิดเผยความคิดหรืออคติบางอย่างจากอีกฝ่ายออกมาได้ จัดทำรายการความสำเร็จของตัวเองไว้เพื่อย้ำเตือนผลงาน และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับที่ปรึกษาและผู้สนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเป็นคนที่โดดเด่นในที่ทำงาน แต่ยังช่วยปกป้องคุณไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของการเหยียดอายุและเปิดโอกาสให้คุณก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างมั่นใจในตัวเองและศักยภาพที่คุณมีนั่นเองค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ

จาก : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1161364

 

สอบถามเพิ่มเติมสำหรับ HR 

อีเมล : [email protected]

 

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top