ผู้สมัครงาน
เจาะลึกเทคนิคการฝึกงานสายการตลาดแบบที่ “ทำแล้วบริษัทอยากรับเข้าทำงานทันที” ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนเริ่มฝึกงาน การวางเป้าหมายงานจริงระหว่างฝึก การโชว์ผลงานและทักษะที่ทีมมาร์เก็ตติ้งต้องการ ไปจนถึงแนวคิด วิธีทำงาน และพฤติกรรมที่ช่วยให้หัวหน้ารู้สึกว่า “เด็กฝึกคนนี้พร้อมเป็นพนักงานเต็มตัว”
การเตรียมตัวก่อนฝึกงานคือจุดเริ่มต้นสำคัญ เพราะถ้าคุณเริ่มต้นอย่างมีแผน คุณจะได้เปรียบตั้งแต่วันแรก
ก่อนเข้าฝึกงานคุณควรทำ Research บริษัทให้ครบทุกมิติ เพื่อเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรและแนวทางการทำการตลาด
เข้าไปศึกษาที่เว็บไซต์บริษัท อ่านเกี่ยวกับ Product/Service, Mission, Vision, Value ของบริษัท
ศึกษา Social Media ของบริษัท เช่น Facebook, Instagram, LinkedIn, YouTube
สังเกตโทนการสื่อสาร เช่น ใช้โทนทางการหรือไม่ทางการ เน้นภาพ หรือเน้นข้อความ
วิเคราะห์คู่แข่งของบริษัท เพื่อเข้าใจ Positioning ของบริษัทในตลาด
จด Key Insight เช่น จุดเด่น จุดด้อย โอกาส และความเสี่ยงของบริษัท
Tip: ใช้ Notion หรือ Google Docs สร้าง “Company Research Sheet” เพื่อจดข้อมูลสำคัญไว้ใช้ตลอดช่วงฝึกงาน
แม้คุณยังไม่เคยทำงานจริง Portfolio ก็สามารถสร้างได้จากการฝึกทำเอง
ทำตัวอย่างคอนเทนต์ Social Media เช่น โพสต์ Facebook/Instagram/LinkedIn อย่างน้อย 3 ชิ้น
ทำตัวอย่างแผนคอนเทนต์ (Content Calendar) สำหรับ 1 เดือน
ทำตัวอย่างการวิเคราะห์ตลาดหรือ Competitor Analysis แบบง่ายๆ
ถ้ารู้การใช้เครื่องมือ เช่น Google Ads หรือ Meta Ads ให้ทำตัวอย่างการตั้งแคมเปญ
เก็บทุกไฟล์ใน Google Drive หรือ Notion เพื่อเรียกใช้ได้สะดวก
ควรมีพื้นฐานการใช้เครื่องมือการตลาดก่อนเริ่มฝึกงาน เพื่อไม่เสียเวลาเรียนรู้ในช่วงฝึกงาน
Canva / Adobe Express — สำหรับทำคอนเทนต์และกราฟิก
Google Analytics — สำหรับติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์
Meta Ads Manager — สำหรับการตั้งค่าโฆษณา Facebook/Instagram
SEO Tools เช่น Ubersuggest, Ahrefs, หรือ Google Keyword Planner
Microsoft Excel / Google Sheets — สำหรับทำ Report และ Data Analysis
Trello / Notion / Asana — สำหรับจัดการงานและติดตาม Progress
Tip: ลงคอร์สสั้นฟรี เช่น Google Skillshop หรือ Canva Academy เพื่อให้เข้าใจการใช้เครื่องมือก่อนเริ่มฝึกงาน
ช่วงฝึกงานคือเวลาที่คุณต้อง “แสดงตัวตน” และ “สร้างผลงานให้เห็นชัด” เพื่อให้บริษัทเห็นว่าคุณคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
ในวันแรก ควรทำความรู้จักกับทุกคนในทีม และเข้าใจโครงสร้างการทำงาน
ถามเกี่ยวกับเป้าหมายการตลาด เช่น KPI, Campaign ที่กำลังทำอยู่
จดบันทึกคำแนะนำหรือขั้นตอนการทำงานที่สำคัญ
Tip: พกสมุดบันทึกหรือใช้ Notion จดข้อมูลสำคัญ และทำเป็น Checklist ของงานที่ต้องเรียนรู้
การมีแผนงานจะช่วยให้คุณทำงานได้มีประสิทธิภาพ
จัดลำดับความสำคัญของงาน เช่น งานด่วน งานที่สร้างผลงานได้เร็ว งานที่ใช้เวลานาน
แยกงานเป็น Daily Task และ Weekly Task เช่น
Daily Task: ตรวจสอบ Social Media Engagement, อัปเดต Content Calendar
Weekly Task: สรุป KPI ของแคมเปญ, วิเคราะห์ Competitor
Tip: ใช้ Trello หรือ Notion เพื่อจัดการ To-Do List และติดตามความก้าวหน้า
HR และหัวหน้าทีมชอบคนที่ “คิดก่อนทำ”
สัปดาห์ละอย่างน้อยเสนอไอเดียใหม่ เช่น โพสต์คอนเทนต์, เทคนิคการทำโฆษณา, การใช้ Influencer
ใช้ข้อมูล KPI ของบริษัทมาสนับสนุนไอเดีย
จัดทำตัวอย่างสั้น ๆ เช่น Mock-up หรือ Presentation ง่าย ๆ เพื่อให้เห็นภาพ
Tip: จดไอเดียไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะจากการประชุม หรือจากการวิเคราะห์ข้อมูล
การวัดผลจะทำให้คุณมีข้อมูลมาแสดงความสำเร็จ
กำหนด KPI เช่น Engagement Rate, CTR, Reach, Leads Generated
ใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics, Meta Ads Manager หรือ Social Media Insight
จัดทำ Weekly Report สรุปผล เช่น “โพสต์ A เพิ่ม Engagement 20%”
Tip: สร้าง Template Report แบบง่าย ๆ เพื่อใช้ทุกสัปดาห์
ทุกครั้งที่ได้รับคำติชม ให้จดบันทึกและนำไปปรับปรุง
สอบถามเพิ่มเติมเมื่อไม่เข้าใจ เพื่อแสดงความตั้งใจในการเรียนรู้
ทำเป็น “Learning Log” บันทึกพัฒนาการตลอดช่วงฝึกงาน
การฝึกงานสายการตลาดให้ได้งานต่อหลังฝึก ไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จ แต่ต้องทำให้เห็นว่า “คุณสร้างคุณค่าได้จริง” ผ่านผลงานที่จับต้องได้และมีข้อมูลวัดผลรองรับ
ก่อนจะสร้างผลงาน ต้องเข้าใจ KPI ของบริษัทหรือทีมการตลาด เช่น
Engagement Rate: การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย
CTR (Click-Through Rate): อัตราการคลิกโฆษณาหรือคอนเทนต์
Conversion Rate: จำนวนการกระทำที่ต้องการ เช่น การสมัคร, การซื้อ
Leads Generated: จำนวนลูกค้าเป้าหมายใหม่
สิ่งที่ต้องทำ:
จด KPI ของทีมใน Notion หรือ Google Docs
ถามหัวหน้าทีมหรือเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับ KPI และเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
ในช่วงฝึกงาน เวลามีจำกัด ดังนั้นควรเลือกโฟกัสผลงานที่สร้างผลลัพธ์ได้เร็ว เช่น
ทำคอนเทนต์ Social Media ที่สามารถวัด Engagement ได้
ปรับปรุง SEO บนเว็บไซต์ที่มีข้อมูลวัดผลได้
ทำแคมเปญโฆษณา Facebook/Google Ads แล้ววัด CTR และ Conversion
ทำรายงานวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis) พร้อมข้อเสนอแนะ
ตัวอย่าง:
ถ้าคุณอยู่ในทีม Social Media อาจเลือกทำ “คอนเทนต์ 5 โพสต์ที่คาดว่าจะเพิ่ม Engagement ภายในสัปดาห์” แล้ววัดผลหลังโพสต์จริง
การมีข้อมูล KPI จะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนในการยืนยันคุณค่า
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Meta Ads Manager, Google Analytics, Facebook Insights
เก็บข้อมูลลงใน Spreadsheet เช่น Google Sheets
เก็บค่า Engagement, Reach, CTR, Leads หรือยอดขายที่เกิดขึ้นจากงานของคุณ
Tip: ทำ Dashboard สรุป KPI อย่างง่าย เช่น ตารางหรือกราฟใน Google Data Studio เพื่อให้ดูได้ง่ายและสวยงาม
สมัครงาน สายงานการตลาด ที่กำลังเปิดรับสมัครด่วน ที่นี่
สมัครงานตำแหน่ง Digital Marketing
สมัครงานตำแหน่ง การสื่อสารการตลาด
สมัครงานตำแหน่ง วิจัยการตลาด
สมัครงานตำแหน่ง Brand Marketing
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เขียนเรซูเม่สมัครงานการตลาดยังไง ให้โดนใจ HR
คำถามสัมภาษณ์งานสายการตลาด และแนวทางการตอบ
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved