
ผู้สมัครงาน
แม้จะดูคล้ายกันเพราะเกี่ยวข้องกับ “ตัวเลข รายงาน และเงินของบริษัท” แต่ในความเป็นจริง งานบัญชี (Accounting) และงานการเงิน (Finance) มี “วิธีคิดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“ฝ่ายบัญชี” คือกลุ่มช่างเทคนิคที่คอยบันทึกเส้นทาง ความเร็ว การใช้น้ำมัน และดูว่าเดินเรือตามกฎหรือไม่
“ฝ่ายการเงิน” คือกัปตันที่ใช้ข้อมูลจากฝ่ายบัญชีมาวิเคราะห์ วางแผนว่าจะเดินเรือไปทางไหนให้ประหยัดน้ำมันที่สุด และได้ผลลัพธ์สูงสุด
ฝ่ายบัญชี จะเน้นการจัดเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต เช่น รายการรายรับรายจ่าย การซื้อสินค้า การจ่ายเงินเดือน ฯลฯ โดยเน้นให้ข้อมูลถูกต้อง มีเอกสารรองรับ ตรวจสอบย้อนหลังได้
ฝ่ายการเงิน จะใช้ข้อมูลทางบัญชีเหล่านั้นมาวิเคราะห์แนวโน้ม วางแผนการใช้เงิน และตัดสินใจว่าควรบริหารเงินอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในอนาคต
2. ลักษณะการทำงาน: “ระบบระเบียบ vs กลยุทธ์”
งานบัญชี
ทำงานภายใต้รูปแบบที่ชัดเจน เช่น ปิดบัญชีรายเดือน จัดทำงบการเงิน บันทึกต้นทุน ฯลฯ
ต้องใช้ความถูกต้องสูง มีการอ้างอิงตามมาตรฐานบัญชี และข้อกฎหมาย เช่น TFRS, ภาษี, สรรพากร
มีระบบการบันทึกที่ซ้ำซ้อนและละเอียด เช่น ตรวจใบกำกับภาษี, กระทบยอดบัญชี ฯลฯ
งานการเงิน
มุ่งวิเคราะห์และวางแผนจากข้อมูลที่มี เพื่อให้ตัดสินใจได้แม่นยำ เช่น ควรขอวงเงินกู้หรือไม่? ควรลงทุนเพิ่มหรือชะลอ?
ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามสถานการณ์ เช่น บริหารสภาพคล่องหากลูกค้าจ่ายเงินล่าช้า
มีลักษณะการทำงานที่คล่องตัว เปลี่ยนแปลงเร็ว และใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์สูง
3. เครื่องมือและความรู้เฉพาะทาง
งานบัญชี
ใช้โปรแกรมบัญชี เช่น Express, Xero, PEAK, SAP FICO
ต้องรู้ลึกเรื่องมาตรฐานบัญชี, กฎหมายภาษี, การคำนวณต้นทุน
มีทักษะในการจัดทำงบการเงิน ตรวจสอบเอกสาร และการกระทบยอดบัญชี
งานการเงิน
ใช้เทคนิควิเคราะห์การลงทุน เช่น NPV, IRR, Payback Period
มีความเข้าใจการวางแผนงบประมาณ กระแสเงินสด และการวิเคราะห์ความเสี่ยง
ใช้ Excel ขั้นสูง หรือเครื่องมือด้าน Financial Modeling เพื่อจำลองสถานการณ์ทางการเงินต่างๆ
4. ตัวอย่างสถานการณ์ที่แสดงความต่าง
เมื่อบริษัทได้รับเงินจากลูกค้า
ฝ่ายบัญชี: ตรวจสอบใบแจ้งหนี้, ออกใบเสร็จ, บันทึกบัญชี
ฝ่ายการเงิน: วิเคราะห์ว่าเงินเข้ามาตรงตามแผนหรือไม่ และมีผลต่อกระแสเงินสดหรือเปล่า
เมื่อบริษัทต้องซื้อเครื่องจักรใหม่
ฝ่ายบัญชี: ตรวจสอบเอกสารการซื้อ, บันทึกเป็นทรัพย์สินถาวร, คำนวณค่าเสื่อมราคา
ฝ่ายการเงิน: ประเมินความคุ้มค่า (ROI), พิจารณาว่าควรซื้อหรือเช่า, วางแผนจัดหาแหล่งเงินทุน
เมื่อบริษัทขาดทุนต่อเนื่องหลายไตรมาส
ฝ่ายบัญชี: สรุปผลประกอบการตามความเป็นจริง, จัดทำงบที่สะท้อนผลขาดทุน
ฝ่ายการเงิน: ประเมินสถานการณ์สภาพคล่อง, เสนอแผนลดต้นทุนหรือเจรจากับธนาคาร, เตรียมแผนปรับโครงสร้างทางการเงิน
5. เส้นทางอาชีพ (Career Path)
สายบัญชี
เริ่มจากเจ้าหน้าที่บัญชี → นักบัญชีอาวุโส → หัวหน้าฝ่ายบัญชี → ผู้จัดการบัญชี → CFO (สำหรับบางองค์กร)
หรือสายตรวจสอบบัญชี → ผู้สอบบัญชี (CPA) → Audit Manager → Partner ในสำนักงานบัญชี
หรือสายเชี่ยวชาญด้านภาษี → Tax Specialist → Tax Manager → ที่ปรึกษาภาษีอาวุโส
สายการเงิน
เริ่มจากเจ้าหน้าที่วิเคราะห์การเงิน → ผู้จัดการฝ่ายการเงิน → ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน → CFO
หรือสายการวางแผนกลยุทธ์ → Financial Planning Manager → Strategic Finance Director
หรือสายการลงทุน → Investment Analyst → Fund Manager (เหมาะกับสายงานการเงินของบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคาร)
หากคุณชอบงานที่มีโครงสร้างชัดเจน ตรวจสอบได้ ทำงานซ้ำและแม่นยำ → เลือกสายบัญชี
หากคุณชอบการวิเคราะห์ การวางแผน การตัดสินใจ และมองภาพรวม → เลือกสายการเงิน
หากคุณต้องการสอบใบประกอบวิชาชีพ เช่น CPA หรือเน้นเรื่องภาษี → เลือกสายบัญชี
หากคุณต้องการทำงานในสายวิเคราะห์งบการเงิน วางแผนงบประมาณ หรือลงทุน → เลือกสายการเงิน
ตำแหน่งงาน ที่กำลังเปิดรับสมัคร
สมัครงานสายงานบัญชีทั้งหมด
สมัครงานสายงานการเงิน
บทความอื่นๆ เกี่ยวกับงานสายบัญชี
อยากเป็น Auditor ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
แนะนำการเขียน Resume สำหรับสายงานบัญชี
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved